วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

สถานที่สำคัญเเละเเหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดตราด

สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดตราด












พระบรมราชานุเสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ ชาวตราดได้อัญเชิญพระบรมรูปมาประดิษฐานที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตราดเมื่อ พ.ศ.2517 ซึ่งชาวตราดได้ให้ความเคารพสักการะมาโดยตลอด โดยจะเรียกแทนพระองค์ว่า "เสด็จพ่อฯ" หรือ "เสด็จพ่อ ร.๕" ตอนเย็นๆจะมีชาวตราดหรือนักท่องเที่ยวมานั่งเล่น พบปะ พูดคุยในบริเวณนี้กันมาก เพราะอากาศดี สถานที่กว้างขวาง










วัดโยธานิมิต(วัดโบสถ์) เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ถ.เทศบาล 4 อ.เมือง สังกัดมหานิกาย ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมเรียกว่า “วัดโบสถ์” ไม่มีหลักฐานการสร้างที่แน่นอน เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของเมืองตราด     ในอดีตเคยใช้เป็นสถานที่ทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการ ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงรวบรวมบรรดารี้พลที่วัดแห่งนี้ เมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลังคุมทัพเรือมาทำสงครามกับเขมร และระหว่างที่พักกองทัพอยู่นั้น ได้พร้อมใจกันสร้างวัดขึ้นขนานนามว่า “วัดโยธานิมิต” เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจระลึกถึงการที่เคยได้ร่วมรบ ร่วมกิน ร่วมนอนมาด้วยกัน โบราณสถานที่สำคัญของวัดนี้ ได้แก่ พระวิหาร (พระอุโบสถหลังเก่า) ซึ่งเป็นศิลปะแบบอยุธยา ภายในพระวิหารมีภาพเขียนจิตกรรมฝาผนังที่น่าสนใจ เช่น ภาพเขียนเรื่องเวสสันดรชาดก ฯลฯ และเคยเป็นสถานที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการเมืองตราด วัดโยธานิมิต (วัดโบสถ์) เป็นวัดหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามแนวนโยบายของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ











ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นสถานที่ที่ประชาชนเคารพสักการะกราไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันมาก มีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่งดงาม โดดเด่นและแตกต่างจากศาลหลักเมืองในจังหวัดอื่นๆ ทั่วไป ตามประวัติกล่าวว่า เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงเดินทางมายังเมืองตราดเพื่อรวบรวมไพร่พลนั้นทรงให้ตั้งศาลหลักเมืองนี้ขึ้นตามความเชื่อแบบจีน เพื่อให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครองเมืองและประชาชนให้รอดพ้นจากอันตราย และอยู่เย็นเป็นสุข และเป็นศาลหลักเมืองที่อยู่คู่เมืองตราดนับตั้งแต่นั้นมา.....
มีตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแห่งนี้ว่า เมื่อครั้งฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองตราดนั้น ทหารฝรั่งเศสเห็นว่าประชาชนต่างพากันเคารพกราบไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองแห่งนี้กันมาก จึงต้องการทำลายขวัญและกำลังใจของประชาชน โดยสั่งให้ถอนเสาหลักเมืองนี้ทิ้งไป แต่ด้วยปาฏิหาริย์ของเจ้าพ่อหลักเมืองนั้น ทำให้ไม่สามารถถอนเสาหลักเมืองขึ้นมาได้ จึงมีการสั่งให้เผาศาลทิ้ง ปรากฏมีฟ้าผ่าและฝนตกลงมาอย่างหนัก จะด้วยความเกรงกลัวหรือเหตุใดไม่ทราบ นายทหารฝรั่งเศสที่ควบคุมกำลังมาจึงได้สร้างเสาหลักเมืองเพิ่มขึ้นอีก 1 ต้น จึงเป็นที่มาที่ศาลแห่งนี้มีเสาหลักเมือง 2 ต้น












โบราณสถานเรสิดังกัมปอร์ต ตั้งอยู่ที่ถนนหลักเมือง เขตเทศบาลเมืองตราด อ.เมือง จ.ตราด เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ 3 ชั้น หลังคาปั้นหยาลดชั้น เคยใช้เป็นที่พำนักของข้าหลวงฝรั่งเศส ผู้ได้รับการมอบหมายจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้ปกครองจ.ตราด ในระหว่างปี พ.ศ.2453-2464 ได้กลายเป็นจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อปี พ.ศ.2450-2471 ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้ใช้เป็นสำนักงานคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม แต่ยังคงรูปแบบและประติมากรรมเดิมไว้ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ในวันและเวลาราชการ












อ่างเก็บน้ำเขาระกำ เป็นแหล่งน้ำที่เป็นเสมือนหัวใจของชาวตราด  เกิดจากพื้นที่ธรรมชาติที่เป็นหุบเขา  ประกอบด้วย เขาระกำ  เขาไม้ชี้  และเขามะปริง  ตั้งอยู่ในเขตสามอำเภอ  ได้แก่ อ.เมืองตราด  อ.เขาสมิง  และ อ.แหลมงอบ  เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่  เก็บกักน้ำไว้เพื่อการเกษตร  ลดปัญหาน้ำท่วม  เป็นแหล่งน้ำผลิตน้ำประปาในตัวจังหวัดและ อ.แหลมงอบ  เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและแพร่พันธุ์ปลาให้เติบโตตามแหล่งน้ำธรรมชาติ  บริการน้ำให้แก่กองทุนสวนยางจำนวน 350 ไร่  และยังทำหน้าที่ส่งน้ำมายังอ่างเก็บน้ำเขาระกำขยาย  ครอบคลุมพื้นที่เกษตร 17,500 ไร่  อ่างเก็บน้ำเขาระกำขยาย เป็นอ่างเก็บน้ำที่อยู่หลังวัดโยธานิมิต  ห่างจากอ่างเก็บน้ำเขาระกำ 10 ก.ม. อยู่ที่บ้านเกาะกันเกรา ต.หนองเสม็ด อ.เมืองตราด  จัดเป็นที่พักผ่อนที่ใกล้และสะดวก  เป็นที่อยู่อาศัยของนกน้ำจำนวนนับพันในบางฤดูกาล












ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน ตั้งอยู่เส้นทางไปแหลมศอก บ้านเปร็ดใน หมู่ 2 ต.ห้วงน้ำขาว อ.เมือง จ.ตราด เป็นป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์และใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย  มีการรวมกลุ่มภายในชุมชนเพื่อบริหารจัดการและดูแลทรัพยากรท้องถิ่นอย่างจริงจัง   กิจกรรมท่องเที่ยวภายในหมู่บ้านประกอบด้วย เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติของระบบนิเวศน์ป่าชายเลน  และนั่งเรือชมทัศนียภาพที่สวยงามของป่า  ปัจจุบันบ้านเปร็ดในได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน  เดินทางมาศึกษาดูงานเนื่องจากเป็นศูนย์การเรียนรู้ป่าชายเลน











บ้านน้ำเชี่ยว อยู่ห่างจากตัวเมืองไปตามทางสายตราด-แหลมงอบ ประมาณ 8 กม. ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีชื่อเสียงในการทำงอบซึ่งเรียกว่า "งอบน้ำเชี่ยว" อันเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านของจังหวัดตราด ที่สืบทอดมาแต่โบราณ นอกจากงอบแล้ว บ้านน้ำเชี่ยวยังมีผลิตผลจากการประมง เช่น กะปิ น้ำปลา กุ้งแห้ง ฯลฯ ไว้จำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวด้วย 












แหลมงอบ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปตามทางหลวงหมายเลข 3148 ประมาณ 17 กม. มีท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 500 เมตร สามารถเช่าเรือไปเที่ยวเกาะต่างๆ ได้เช่น เกาะช้างเกาะกระดาด เกาะกูด เกาะแรด ฯลฯ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถหาซื้อของที่ระลึกจำพวก กะปิ น้ำปลา กุ้งแห้ง และงอบแบบต่างๆ ได้จากร้านค้าทั่วไปในเขตอำเภอแหลมงอบ











อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง จัดสร้างขึ้นบริเวณชายทะเลแหลมงอบ มีพระอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผันพระพักตร์ไปยังบริเวณยุทธนาวีเกาะช้าง องค์ประกอบของบริเวณมีการจัดบริเวณ และอาคารพิพิธภัณฑ์คล้ายเรือรบอนุสาวรีย์เป็นที่เคารพสักการะของชาวจังหวัดตราด และเมืองใกล้เคียง จะมีงานฉลองระหว่างวันที่ 17-21 มกราคม ของทุกปี จัดขึ้นเพื่อระลึกถึงการทำยุทธนาวีของกองทัพเรือไทย












อ่าวตาลคู่ ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3156 เลยทางแยกเข้าเกาะปุยประมาณ 5 กม. จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าไปอีก 4 กม. ชายหาดอ่าวตาลคู่เหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อน เพราะมีความสวยงามและอากาศดี ชาวตราดและนักท่องเที่ยวทั่วไปนิยมไปพักผ่อนในช่วงวันหยุด หรือไปนั่งรับประทานอาหาร ชมวิว รับลมทะเล












เกาะช้าง เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะทะเลอ่าวไทยและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยรองจากภูเก็ต มีเกาะเล็ก เกาะน้อยรวมกันกว่า 50 เกาะ มีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ ส่วนใหญ่เป็นป่าดิบเขา ที่เกาะช้างนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่ง มีน้ำตกที่ขึ้นชื่อคือน้ำตกธารมะยม น้ำตกคลองพลู ชายหาดที่สวยงามก็มีอยู่มากมาย ได้แก่ หาดทรายขาว หาดคลองพร้าว หาดไก่แบ้ เป็นต้น การเดินทางไปเกาะช้างสะดวก สบาย มีท่าเรือเฟอรี่อยู่ 2 ท่า หรือจะเช่าเหมาเรือประมงบริเวณท่าเรือแหลมงอบก็ได้












เกาะกูด เกาะใหญ่อันดับ 2 ของหมู่เกาะทะเลตราด มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีหาดทรายและน้ำทะเลใสสีมรกต จนได้รับการขนานนามว่า "อันดามันแห่งทะเลตะวันออก" เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวและพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่ไม่ต้องการความวุ่นวาย นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปพักผ่อนในช่วงเดือนตุลาคม ไปจนถึงเดือน พฤษภาคม เพราะเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการท่องเที่ยว ที่สุดของท้องทะเลตราดต้องเกาะกูด พร้อมด้วยหาดทรายขาว ให้ท่านได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอย่างแท้จริง












เกาะหมาก เกาะใหญ่เป็นอันดับ 3 ในท้องทะเลตราด มีรูปร่างสัณฐานคล้ายรูปดาวสี่แฉก อยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด ห่างจากฝั่งประมาณ 38 กิโลเมตรเกาะหมากมีที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เช่น บริเวณอ่าวตานิด อ่าวไผ่ อ่าวสวนใหญ่ อ่าวโปร่ง อ่าวผาด อ่าวแดง อ่าวพระ ชายหาดตามแหล่งท่องเที่ยวของเกาะหมากเหล่านี้ มีหาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลสดใสสวยงาม ใกล้เคียงกับเกาะหมากมีเกาะเล็กเกาะน้อยหลายเกาะ เช่นเกาะขาม เกาะระยั้งใน เกาะระยั้งนอก เกาะกระดาด ซึ่งหมู่เกาะเหล่านี้ต่างก็มีความสวยงาม มีหาดทรายขาว ทิวทัศน์ร่มรื่น มีแนวปะการังที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งดำน้ำอย่างดีทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก












น้ำตกสะพานหิน ใช้ทางหลวงหมายเลข 318 (ทางไป อ.คลองใหญ่) เมื่อถึงหลักกิโลเมตร 32 จะเห็นวัดสะพานหินอยู่ด้านซ้าย ทางเข้าน้ำตกเป็นทางคอนกรีต อยู่ข้างวัด มีป้ายบอกทางชัดเจน (สังเกตกองร้อยทหารพราน นย. ที่ 432 อยู่ตรงปากทางเข้า) ตรงเข้าไป 500 เมตร ก็ถึงน้ำตก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มีน้ำตลอดปี ในฤดูผลไม้ชาวบ้านจะนำผลไม้ต่างๆ มาวางขายด้วย น้ำตกชั้นล่างไหลตกจากแผ่นหินเตี้ยๆ หน้าน้ำตกมีลำธารซึ่งมีโขดหินขนาดใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้ในบางจุด แต่ถ้าเป็นฤดูฝนน้ำจะแรงมาก ส่วนในชั้นที่สูงขึ้นไป ทางเดินขึ้นลำบาก ต้องไต่ไปตามหน้าผาชัน น้ำตกชั้นบนไหลผ่านผาหินสูงกว่า 30 เมตร












หาดบานชื่น (หาดมะโร) ตั้งอยู่ก่อนถึงอำเภอคลองใหญ่ เส้นทางหลวงหมายเลข 318 ระหว่างกิโลเมตรที่ 59-60 มีทางแยกขวามือเข้าไปอีก 3 กิโลเมตร เป็นหาดที่มีทรายเม็ดละเอียด น้ำทะเลใสสะอาด สามารถลงเล่นน้ำได้ มีบังกะโลให้เช่าบริเวณชายหาด












ศูนย์ราชการุณย์ สภากาชาดไทย เขาล้าน เดิมชื่อว่า ศูนย์สภากาชาดไทย เขาล้าน ในอดีตสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเป็นศูนย์สภากาชาดไทยเขาล้าน เพื่อช่วยเหลือชาวเขมรอพยพ จนเมื่อชาวเขมรอพยพแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนา ศูนย์นี้จึงปิดไปเมื่อ พ.ศ. 2529 ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 ได้จัดสร้างศาลาราชการุณย์ เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย (เปิดเวลา 8.30-12.00 และ 13.00-16.00 น.) ภายในศาลาราชการุณย์ประกอบไปด้วยนิทรรศการพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นอกจากนั้นยังมีหุ่นจำลองชาวเขมรอพยพในขณะทำภาระกิจประจำวัน เช่น หุงหาอาหาร เย็บปักถักร้อย เป็นต้น สวนไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด 76 จังหวัด สวนสมุนไพร พระพุทธรูปแบบสุโขทัย ปางมารวิชัย สร้างขึ้นตามพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ส่วนด้านหลังเป็นหาดทรายบรรยากาศเงียบสงบ ทางศูนย์ฯ มีที่พักไว้รองรับสำหรับผู้ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว












ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก ตั้งอยู่บ้านหาดเล็ก ที่เป็นหมู่บ้านสุดชายแดนติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา อยู่ปลายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 318 ตลาดแห่งนี้นับเป็นแหล่งรับซื้อพืชพันธุ์ธัญญาหารของชาวกัมพูชาเพื่อไปขายต่อที่เกาะกง และยังมีสินค้าราคาถูกที่มาจากประเทศกัมพูชา เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า แว่นตา น้ำหอม เป็นต้น จากจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยนั่งรถแท็กซี่จากชายแดนบริเวณบ้านหาดเล็กฝั่งประเทศกัมพูชาเพื่อที่จะไปเกาะกงได้ อัตราราคาค่าโดยสารแล้วแต่จะตกลงกัน และสำหรับการเดินทางจากตัวเมืองตราดไปเกาะกงสามารถนั่งรถตู้จากตัวเมืองตราดไปหาดเล็ก โดยจะมีรถออกทุก ๆ ชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
หมายเหตุ สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการเดินทางข้ามไปกัมพูชาควรนำบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง และวีซ่า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเดินทางได้ที่ จุดตรวจชายแดนบ้านหาดเล็ก โทร. (039) 588-084












วัดเมืองเก่าแสนตุ่ม(โบราณสถานเขาโต๊ะโม๊ะ) ตั้งอยู่หมู่ที่ ๗ บ้านอีเร็ม ตำบลประณีต อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาสมิงประมาณ ๓๘ กิโลเมตร  วัดนี้เป็นวัดที่มีความร่มรื่น ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ เหมาะแก่การพักผ่อน และการปฏิบัติธรรม ส่วนบริเวณวัดด้านทิศใต้เป็นที่ตั้งโบราณสถานเขาโต๊ะโมะ ที่คาดว่าสร้างขึ้นในสมัยก่อนพุทธกาล มีความเชื่อว่าใต้พื้นบริเวณโบราณสถานมีสมบัติเป็นแสนตุ่ม อันเป็นที่มาของชื่อวัดแสนตุ่ม โบราณสถานเขาโต๊ะโมะ มีลักษณะเป็นเนินดิน มีต้นไม้ปกคลุม มีแท่งหินวางอยู่เรียงราย หินเหล่านี้มีสีน้ำตาลเข้ม เป็นรูปเหลี่ยมตั้งแต่สี่เหลี่ยมถึงเก้าเหลี่ยม ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร ถึง 150 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร ถึง 20 เซนติเมตร น้ำหนักตั้งแต่ 10 กิโลกรัมถึง 100 กิโลกรัม การวางเรียงซ้อนของหินคล้ายเทวสถาน หินบางก้อนเมื่อเคาะจะมีเสียงดังกังวานเหมือนเคาะระฆัง











น้ำตกเขาสลัดได อยู่ในเขตพื้นที่ อ.บ่อไร่ เดินทางไปตามถนนจินตกานนท์ สายแสนตุ้ง-บ่อไร่ ประมาณกิโลเมตรที่ 25 มีทางแยกซ้ายไปน้ำตกเขาสลัดได ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร บริเวณรอบ ๆ น้ำตก มีป่าเขา และธรรมชาติสวยงามเหมาะสำหรับเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ตั้งแคมป์ เพราะเงียบสงบ มีน้ำตกตลอดทั้งปี












อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว เป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนไม่มากนักของเทือกเขาบรรทัด ประกอบด้วย เขาแก้ว เขาตาบาด เขาตาโชติ และเขากำแพง ส่วนยอดเขาเป็นแนวแบ่งเขตประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 100-836 เมตร ยอดเขาที่สูงที่สุด คือ ยอดเขาบาด ซึ่งมีความสูงถึง 836 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพภูมิประเทศเช่นนี้ก่อให้เกิดสายน้ำหลายสาย เช่น คลองลึก คลองแอ่งปุก คลองแก้ว คลองตาบาด คลองหินเพลิง คลองลือ คลองกะใจ คลองมะละกอ ฯลฯ สายน้ำแต่ละสายจะไหลลงสู่คลองสะตอแล้วออกสู่ทะเล ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2552 อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้วได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 121 ของประเทศไทย โดยประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 126 ตอนที่ 97 ก ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2552 มีเนื้อที่ประมาณ 123,700 ไร่ หรือ 197.92 ตารางกิโลเมตร

อ้างอิง http://www.tradnews.com/tourist_attraction_th.html


วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เทียนเจล

วิธีทำเทียนเจล

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ รูปเทียนเจล


วิธีทำเทียนเจล
วัตถุดิบประกอบด้วย
- เทียนเจล เกรดเอ เนื้อใสบริสุทธิ์ ( ลักษณะเหมือนเยลลี่ห้ามรับประทาน หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์งานฝีมือ หรือหากต้องการซื้อจำนวนมาก ตามร้านฮงฮวด เยาวราชจะขายเป็นกิโล)
- ไส้เทียน แบบมีแกนกลาง ( Zinc core ) พร้อมฐาน

วัสดุอุปกรณ์
- ภาชนะสำหรับต้มเพื่อให้เจลหลอมเหลว เช่น หม้อ หรือ กะทะแบบมีด้ามจับ ฯลฯ
- เตา เป็นเตาปิกนิคก็ได้ หรือเตาไฟฟ้าจะดีกว่าเพราะสามารถคุมอุณหภูมิได้
- แก้วใส หรือแก้วสี แบบต่างๆ ตามสไตล์ของคุณเอง
- ปืนยิงกาวหรือกาวตราช้าง
- สี ( ต้องเป็นสีสำหรับทำเทียนที่ละลายในน้ำมันได้เท่านั้น )
- น้ำหอม ( เชื้อน้ำมัน 100% )
- อุปกรณ์ตกแต่ง แล้วแต่จะสรรหาตามสไตล์ของคุณ แต่ควรเป็นของที่ไม่ติดไฟ 


วิธีทำง่ายๆ ใน 6 ขั้นตอน
1. ล้างแก้วที่ต้องการทำชิ้นงานให้สะอาด เช็ดให้แห้งสนิท ติดไส้เทียนกับแก้วโดยกาว รอสักพักให้กาวแห้ง จัดแต่งสิ่งของที่ต้องการตกแต่งภายในแก้ว ตามแบบที่คุณต้องการ
2. นำเจลมาต้มในภาชนะที่เตรียมไว้ โดยใช้ไฟอ่อน รอจนเนื้อเจล หลอมละลายจนเหลว เบาไฟให้อ่อนที่สุด หาก ต้องหากต้องการเพิ่มสีสันให้กับเจล นำสีที่ต้องการใส่ผสมลงในเนื้อเจล ( ควรสกิดผงสีใส่ไปทีละน้อยๆ มิฉะนั้น สีจะเข้มม๊ากกก.. ) ใช้ทัพพีหรือช้อนโคนให้ทั่ว แล้วปิดไฟเตา
3. จากนั้นนำน้ำหอมที่ต้องการใส่ลงในเนื้อเจล แล้วโคนให้ทั่ว ( ไม่ควรใส่น้ำหอมเกิน กว่า 3% เพราะน้ำหอมมีคุณสมบัติติดไฟ ถ้าใส่มากเกินไฟอาจลุกบนเนื้อเจลได้ )
4. เทเนื้อเจลที่เหลวลงในแก้วหรือภาชนะที่ได้จัดเตรียมไว้อย่างระมัดระวัง
5. หากต้องการใส่สิ่งของแต่งเพิ่มรอประมาณ 2-5 นาที ไม่ควรใช้วัสดุที่ติดไฟได้ใส่ลงไป
6. รอให้เนื้อเทียนเจลเย็นตัวลง เป็นอันเรียบร้อย.
ข้อควรระวัง ขณะต้มเจล ควรระวังไม่ให้น้ำหยดใส่เนื้อเจลที่ร้อนในภาชนะเด็ดขาด เพราะเนื้อเจลขณะร้อนจัด
จะมีคุณสมบัติคล้ายน้ำมัน หากถูกน้ำจะทำให้เกิดการแตกกระเด็นของน้ำมัน


อ้างอิง : http://www.gracezone.org/index.php/2009-07-16-04-17-57/506-gel-candle

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เเนะนำตัว

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-นามสกุล นางสาวสยามล  สังข์ทอง      ชื่อเล่น  ฝ้าย
เกิดวันที่        18 มิถุนายน 2541          เชื้อชาติ ไทย     สัญชาติ ไทย
บิดาชื่อ          นายโสพนธ์    สังข์ทอง
มารดาชื่อ      น..รุ่งนภา    คณานันท์
ที่อยู่              18/7      หมู่ 2      ตำบล น้ำเชี่ยว              อำเภอ แหลมงอบ          จังหวัด ตราด
สีที่ชอบ         สีขาว สีฟ้า          อาหารโปรด  ต้มยำกุ้ง
คติประจำใจ  ความพยายามคือหนทางแห่งความสำเร็จ
E-mail:          faysangtong@gmail.com
ความสามารถพิเศษ     เล่นเปตอง
วิชาที่ถนัด                   ภาษาอังกฤษ
งานอดิเรก                   เล่นเกม             เล่นเปตอง        ทำกะปิ